ผงะ! เผยเส้นทางลับพา “นางแบบ” ค่าตัวอึ้ง เข้าถวายจีนเทาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ผงะ! พบเส้นทางลับ พานางแบบญี่ปุ่นเข้าถวายผู้ต้องขังจีนเทาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พีก พบ “ห้องลับใต้บันได” สถานที่สุด VIP

สะเทือนราชทัณฑ์ หลังการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบพฤติการณ์ผิดปกติหลายประเด็น ทั้งการเอื้อสิทธิพิเศษให้ผู้ต้องขังชาวจีนกลุ่มหนึ่ง รวมถึงหลักฐานชิ้นสำคัญที่ชี้ว่ามีการลักลอบนำหญิงสาวนางแบบต่างชาติ เข้ามาให้มีความสัมพันธ์ทางเพศในพื้นที่เรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหลายราย

เหตุการณ์เริ่มขึ้นหลังนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงนามคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายหลังชุดจู่โจมพบความผิดปกติภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่งผลให้กรมราชทัณฑ์ต้องย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บัญชาการเรือนจำไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรมราชทัณฑ์ชั่วคราว

พบผู้ต้องขังจีนมีอิทธิพลสูง เอื้อผลประโยชน์ผิดกฎหมาย

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องขังชาวจีนบางรายภายในแดน 3 มีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังไทย และได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในเรือนจำเอื้อประโยชน์ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ของต้องห้าม และการมีนักโทษชาวไทยทำหน้าที่รับใช้ แลกเปลี่ยนด้วยเงินหรือทรัพย์สิน โดยอ้างว่าเป็นของบริจาคเข้ามาในเรือนจำ

ขณะเดียวกัน ระหว่างการตรวจค้นเมื่อวันที่ 16 พ.ย. เจ้าหน้าที่พบสิ่งของต้องห้ามจำนวนมาก รวมถึงของมีคม ไฟแช็ก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ไม่ควรมีอยู่ในพื้นที่ควบคุมพิเศษ

ช็อก! มี “ห้องลับใต้บันได”

หนึ่งในข้อมูลที่สร้างความตกตะลึงคือ การพบพฤติการณ์ลักลอบพานางแบบชาวต่างชาติ ซึ่งมีค่าจ้างสูงถึง 7 หลัก เข้ามาในเรือนจำเพื่อให้ความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ต้องขังชาวจีนกลุ่มดังกล่าว โดยมีการเบิกตัวผู้ต้องขังออกจากแดน 3 ผ่านช่องทางพิเศษไปยัง “ห้องลับใต้บันได” ระหว่างประตู 1 และประตู 2

ส่วนเส้นทางที่ใช้ลักลอบนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ คือ การผ่านห้องทำงานของผู้บัญชาการเรือนจำที่ชั้น 2 ก่อนพาสาวนางแบบเดินลงไปยังพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งเป็นจุดที่พ้นสายตาการตรวจสอบ และถูกจัดไว้สำหรับรองรับแขกพิเศษ

พบหลักฐานชิ้นสำคัญ เร่งตรวจ DNA

เจ้าหน้าที่จู่โจมพบหลักฐานในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ ถุงยางอนามัยใช้แล้ว กระดาษทิชชู และคราบอสุจิ ซึ่งถูกเก็บรวบรวมเพื่อนำไปตรวจ DNA รวมถึงการควบคุมนางแบบสาวและผู้ต้องขังจีนที่เกี่ยวข้องไว้ตรวจสอบเพิ่มเติม

จากเหตุการณ์นี้ นำไปสู่การสั่งย้ายด่วนผู้บัญชาการเรือนจำ และเจ้าหน้าที่รวม 19 ราย พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกประเด็น เพื่อให้การปฏิบัติงานภายในเรือนจำเป็นไปตามมาตรฐานและโปร่งใส