ประธาน กกต. ย้ำวันสุดท้ายหาเสียงเลือก อบจ. อย่าเกิน 6 โมงเย็น เผยปีนี้มีเรื่องร้องเรียนน้อย กำชับ กปน. ทุกหน่วยต้องเป็นกลาง ยืนยันอีกรอบ “ทักษิณ-พิธา-ธนาธร” ช่วยหาเสียงได้ไม่ผิด ขออย่าเอาไปโยงการเมือง
วันที่ 31 มกราคม 2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ตรวจเยี่ยมการส่งมอบบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์ในการเลือกตั้ง อบจ. เชียงใหม่ ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกตั้งทุกครั้งก็จะคอยดูว่าเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง(กปน.) ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยทำงาน กปน. มาแล้วหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งมาแล้ว มีความรู้ความเข้าใจก็จะมีอย่างหนาแน่น ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้งจะมีการอบรมติวเข้มให้กับ กปน.ทุกคนหนึ่งวันก่อนมีการเลือกตั้ง เพื่อให้มั่นใจและมีความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้ตรงกัน จึงเชื่อมั่นว่า กปน. จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งได้อย่างมีมาตรฐาน และจังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมาเคยมีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ กปน. 80 กว่าเรื่อง แต่ครั้งนี้มีอยู่เรื่องเดียว ซึ่งถือว่าน้อยมาก ทำให้เห็นว่ามาตรฐานของ กปน. ดีขึ้น
นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่าศูนย์จังหวัดเชียงใหม่เป็นอีกจังหวัดที่มีการหาเสียงกันดุเดือด มีบุคคลสำคัญทางการเมืองมาช่วยหาเสียง กกต.ย้ำอยู่เสมอแล้วก็รู้ว่าผู้สมัครตระหนักถึงเงื่อนไขและกฎหมายในการหาเสียง และอย่าลืมว่าวันนี้ผู้สมัครสามารถหาเสียงได้ถึงเวลา 18.00 น. ส่วนเรื่องร้องเรียนจากทั่วประเทศมีอยู่ 153 เรื่อง ถือว่ายังไม่มากเมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งมี 718 เรื่อง และเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องจ้างให้มาฟังปราศรัย ซึ่งตอนนี้ กกต. ก็ได้รวบรวมเรื่องร้องเรียนและพยานหลักฐาน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ กกต. นำผู้กระทำความผิดมารับผิดได้ รวมถึงภาพถ่าย คลิปเสียง ในสำนวนที่ดูได้จากคำวินิจฉัยจะเห็นว่าหลักฐานที่นำไปสู่การส่งไปศาลมีคลิปเสียงมีภาพถ่ายลายนิ้วมือ พยานหลักฐานทั้งหมด เป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่เราประกาศให้มีการเลือกตั้ง และได้ตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ 16 คน และชุดเคลื่อนที่เร็วหลายชุดลงตระเวนหาข่าวและชุดปฏิบัติการข่าวทำงานกันอย่างต่อเนื่องรวบรวมข้อเท็จจริงพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด
ย้ำอีกครั้ง “ทักษิณ-พิธา-ธนาธร”ช่วยหาเสียงได้
นายอิทธิพรกล่าวถึงประเด็นที่มีการถกเถียงกันถึงคุณสมบัติผู้ช่วยหาเสียง 3คนคือ นายทักษิณ ชินวัตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยยืนยันตามเลขา กกต. ได้โพสต์ใน Facebook เมื่อคืน(30ม.ค.) ซึ่งตามระเบียบว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามของการหาเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเขียนไว้ชัดข้อ4 ผู้ช่วยหาเสียงคือผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับจ้างจากผู้สมัครให้มาร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียง ไม่มีตรงไหนที่บอกว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องมีหน้าที่หรือมีสิทธิในเขต เราถือหลักนี้มานานนานแล้ว แต่ปี 2562 มีระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงเลือก สส. ก็เขียนแบบนี้เหมือนกันและก็มีพรรคการเมืองสองพรรคเขียนมาถาม กกต. เราก็ตอบยืนยันไปว่าหมายถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น หากใครถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งก็จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่ได้ ส่วนที่หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงมาถกเถียงหรือเป็นประเด็น ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง นายอิทธิพร ยืนยันว่า กกต. ไม่ได้จะพึ่งมาตอบข้อซักถาม ตามกฎหมายต้องตอบคำถามไม่เกิน 30 วัน หากเกินกว่านั้นจะถือว่าผิดมาตรฐานจริยธรรม กกต. แจ้งในเว็บไซต์นานแล้วและในหนังสือเวียนถ้าดูคำชี้แจงของนายแสวง บุญมี มีรายละเอียดอยู่หมด มายกประเด็นนี้ตอนใกล้จะเลือกตั้ง กกต. ก็ตอบทันทียืนยันไม่ได้หวังหรือต้องการจะให้เป็นประเด็นทางการเมือง
Beta feature
Beta feature