วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

มีผลบังคับใช้วันนี้ ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก จะถูกปรับ 2,000 บาท และหากผู้ซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อก จะถูกปรับเป็น 2 เท่า พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและสร้างวินัยจราจร

วันนี้เริ่มแล้ว “ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน” ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า วันนี้ (1 มิ.ย.2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนประชาชน เริ่มบังคับใช้วันนี้ 1 มิ.ย.2568 ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย 100% ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 122 ซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และในส่วนของผู้โดยสารหากไม่สวมหมวกกันน็อก ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับเป็น 2 เท่า

 

วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำ “โครงการถนนปลอดภัย” มุ่งการเสริมสร้างวินัยจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยให้ทุกหน่วยทั่วประเทศ พิจารณาเลือกถนนสายสำคัญ หรือถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุในเส้นทางบ่อยครั้ง รวมทั้งให้ต้องความสำคัญต่อถนนที่มีที่ตั้งของสถานศึกษาอยู่ เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรถ หรือการใช้ทางบนถนนดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในการสัญจร

วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

วันนี้เริ่มแล้ว ไม่ใส่หมวกกันน็อก ปรับ 2 พัน ซ้อนไม่ใส่ปรับ 2 เท่า

“รัฐบาลย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ด้วยการสวมหมวกนิรภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันและลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่ศีรษะหากเกิดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัยของตนเอง และเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย พร้อมทั้งเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติตามกฎจราจร ช่วยกันรณรงค์และตรวจตราผู้ใช้เส้นทาง มิให้มีการฝ่าฝืนกฎจราจร”