ซึ่งแท้จริงแล้วภาพความขัดแย้งที่ผู้บริหารชุดนี้เหมารวม มันคือการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มกำลังมาทุกยุคทุกสมัย ไม่อ่อนข้อหรือล้มมวยเพื่อเห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ต่างตอบแทน เพราะผู้แทนประชาชน คือตัวแทนประชาชนที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นผู้แทนประชาชนที่ดี จึงต้อง “กล้า…ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง และกล้า…ต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมเมื่อขัดแย้งกับประโยชน์ส่วนรวม” ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ ไม่ใช่การเข้ามาทำหน้าที่เพื่อสู้รบ หรือรักกับใคร เพราะการแบ่งผลประโยชน์ส่วนตนนั้นลงตัว
มาดามเดียร์ ระบุต่อว่า แม้ในตลอดกว่าช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ชนะการเลือกตั้ง การเมืองเผชิญความวุ่นวาย จนพรรคได้รับบทเรียนเหลือ ส.ส. จำนวน 25 คนแต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยสูญเสียเกียรติ และความภาคภูมิใจ เพราะสมาชิกพรรคต่างตระหนักรู้ดีว่า การตัดสินใจของสมาชิกไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำประโยชน์เพียงเพื่อคนไม่กี่คน หรือใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น การกอบกู้วิกฤตพรรค ที่วันนี้พ่ายแพ้การเลือกตั้ง คือการทำหน้าที่เพื่อประชาชนในฐานะฝ่ายค้าน ตรวจสอบถ่วงดุลอย่างสุดกำลังความสามารถ ไม่ใช่การสบช่องหาโอกาส เพื่อเข้าสู้อำนาจ โดยก้าวข้ามความรู้สึกประชาชนที่ยังคงให้ความไว้วางใจในพรรคประชาธิปัตย์