วันที่ 17 กันยายน 2567 ตำรวจสืบนครบาล นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายศักดิ์ชัย หมายชม อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี ได้ที่ห้องเช่าภายในซอยไทยธานี16 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตำรวจเก๊ แก๊งคอลเซ็นเตอร์
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา คนร้ายโทรศัพท์สุ่มเข้ามาหาผู้เสียหาย อ้างเป็นตำรวจ สภ.เมืองชุมพร แจ้งผู้เสียหายว่ามีพัสดุจากบริษัทขนส่ง (เคอรี่) ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใดตรวจสอบพัสดุพบ หนังสือเดินทาง / บัตรเอทีเอ็ม / พร้อมสมุดธนาคาร ซึ่งมีชื่อของผู้เสียหายปรากฏอยู่
แล้วอ้างว่าผู้เสียหายอาจจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพ ระหว่างนั้นได้ให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “สภ.เมืองชุมพร” แล้ววิดีโอคอลมาหาผู้เสียหาย แต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจแสดงตัวว่าเป็นนายตำรวจยศ พันตำรวจโท ประจำอยู่ สภ.เมืองชุมพร ให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการโอนเงินมาตรวจสอบ แล้วจะโอนเงินกลับคืนมาภายใน 2 วัน
ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ไปยังบัญชีธนาคารของ นายศักดิ์ชัย 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท จากนั้นผู้เสียหายได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้หลานสาวฟัง จึงรู้ว่าถูกมิจฉาชีพหลอก ก่อนจะแจ้งความที่ สภ.สำโรงเหนือ ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาปรากฏว่าผู้ต้องหาไม่ได้มาพบ จึงได้ยื่นขอหมายจับ ต่อมาตำรวจสืบนครบาล ได้สืบทราบว่าผู้ต้องหารู้ตัวว่า จะต้องถูกติดตามจับกุมดำเนินคดี จึงระมัดระวังตัว วันที่ตำรวจมาเคาะห้องพัก ผู้ต้องหาไม่เปิด ทำเหมือนไม่มีคนอยู่ในห้อง เมื่อตำรวจออกไป ผู้ต้องหาแอบย่องจากห้องตัวเอง ไปแอบซ่อนตัว อยู่ในห้องน้ำ ห้องพักข้างๆ ซึ่งเป็นห้องว่างไม่มีผู้พักอาศัย ตำรวจเห็นความผิดปกติ จึงตรวจสอบ และพบว่าผู้ต้องหายืนตัวหลบอยู่หลังประตูห้องน้ำ
หลังถูกจับกุม นายศักดิ์ชัย ให้การอ้างว่า เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านนมา ถูกรุ่นพี่ที่รู้จักกันหลอกให้เปิดบัญชี และไปทำงานคาสิโนที่ประเทศเพื่อนบ้าน 3 วัน โดยมีนายหน้านำรถตู้มารับ พร้อมกับคนอื่นที่ไปทำงานด้วยกัน รวม 6 คน ได้ค่าตอบแทน 18,000 บาท เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น / และลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนหรือรับของโจร” ก่อนนำตัวส่ง สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบนครบาล หรือผู้การจ๋อ ฝากเตือนภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นตำรวจหลอกลวงให้ประชาชนโอนมาตรวจสอบ ทำทีว่าผู้เสียหายพัวพันกับคดียาเสพติด / การฟอกเงิน / หลอกลวงว่าได้เช็คเงินคืนภาษี / หรือหลอกถามข้อมูลส่วนตัว เพื่อนำไปปลอมแปลงในการทำธุรกรรมต่างๆ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีที่มิจฉาชีพเตรียมไว้ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หากพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถติดต่อไปยังสายด่วน หมายเลข 1441