สำหรับการปลดพนักงานในยุโรปนั้น จะเริ่มต้นทยอยปลดออกเป็นจำนวนกว่า 4,000 คน หรือคิดเป็น 2.3% ของจำนวนพนักงานรวม 174,000 คนทั่วโลก โดยส่วนใหญ่ของจำนวนประการที่จะตกงานในครั้งนี้จะอยู่ในประเทศเยอรมนีมีจำนวน 2,900 คน และสหราชอาณาจักรมีจำนวน 800 คน
พนักงานของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์ ในทวีปยุโรปที่เข้าข่ายจะต้องถูกลดจำนวนลงนั้น จะเริ่มต้นถูกปลดในสิ้นปี 2027 สำหรับจำนวนพนักงานที่ถูกปลดออกมากที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งอยู่ที่ประเทศเยอรมนีนั้น คิดเป็น 24% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในเยอรมนี นอกจากนี้ ฟอร์ด มอเตอร์ คอมพานี เตรียมตัดลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ได้แก่ ลดการผลิตรุ่นเอ็กซ์พลอเรอร์ และลดการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีมีชื่อรุ่นว่า คาปริ อีวี ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ผลิตในโรงงานที่เมืองโคโลนจ์ ประเทศเยอรมนี นายปีเตอร์ ก๊อดเซล รองประธาน ภูมิภาคยุโรป ฟอร์ด มอเตอร์ คอมพานี เปิดเผยว่า ฟอร์ดกำลังเผชิญกับภาวะความต้องการตลาดรถอีวีที่ซบเซาและ และถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ในตลาดยุโรป ซึ่งสถานการณ์ตลาดดังกล่าวนั้นอ่อนแอลงมากกว่าที่ฝ่ายบริหารคาดการณ์ไว้
และฟอร์ดยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนในการผลิตรถยนต์ซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย จากสองปัจจัยดังกล่าวทำให้ฟอร์ดต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพื่อที่จะทำการปรับโครงสร้างของธุรกิจ ถึงแม้ว่าฝ่ายบริหารจะเชื่อว่าการลดพนักงานและลดกำลังการผลิตจะช่วยแก้ไขปัญหาต้นทุนในการผลิตรถยนต์ของฟอร์ด แต่ถ้าสถานการณ์ด้านการตลาดไม่ดีขึ้น ฟอร์ดจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการอื่นๆตามมา ด้านยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ ในทวีปยุโรป พบว่านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนกันยายน หรือ 10 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ของฟอร์ดในยุโรปตกต่ำอย่างมากถึง -17.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายที่ตกต่ำลงอย่างมากนั้น ยังทำสถิติร่วงลงมากกว่ายอดขายทั้งตลาดรถยนต์ของยุโรปที่ลดลง -6.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีในภาพรวมของประเทศเยอรมนี พบว่าใน 9 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรถอีวีทั้งตลาดเยอรมนีดำดิ่งลงมากถึง -28.6% สาเหตุสำคัญของตลาดรถอีวีในประเทศเยอรมนีที่ตกต่ำอย่างรุนแรงเป็นผลมาจากรัฐบาลประเทศเยอรมนียุติมาตรการอุดหนุนผู้บริโภคในการซื้อรถอีวีรวมถึงการขยายการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ารถอีวีเป็นไปอย่างเชื่องช้าและล่าช้ากว่าเป้าหมายอย่างมาก ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ผ่านมา ฟอร์ด มอเตอร์ คอมพานี ประกาศปลดพนักงานในทวีปยุโรปออกเป็นจำนวนมากถึง 3,800 คน และภายในปี 2025 ยังเตรียมพิจารณาปลดพนักงานเพิ่มเติมในโรงงานที่มีชื่อว่าซาร์หลุยส์ ในประเทศเยอรมนี
