นายสุรศักดิ์ อายุ 21 ปี ภูมิลำเนา แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ. 601/2567 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2567
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ , พาอาวุธ(ปืน)ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งให้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน ”
ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีกลับมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อหลบหนีการถูกจับกุมหลังหลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุและกลับเข้ามาเมื่อเรื่องเริ่มเงียบลง
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 409/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซอยศาลธนบุรี 19 แยก 5 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จับกุมตัว นายสุรศักดิ์ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ. 601/2567 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ , พาอาวุธ(ปืน)ไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งให้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน ” ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีกลับมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อหลบหนีการถูกจับกุมหลังหลบหนีออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุและกลับเข้ามาเมื่อเรื่องเริ่มเงียบลง
จากการตรวจสอบประวัตินายสุรศักดิ์ ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าปัจจุบันตกเป็นผู้ต้องหาที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี อีกจำนวน 1 คดี ประกอบด้วย
1) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.139/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเลคทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนฯ ” ท้องที่ สภ.บ้านหมี่ ภ.จว.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายสุรศักดิ์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองแขม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.บ้านหมี่ ภ.จว.ลพบุรี ดำเนินการอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีให้ครบถ้วยในคราวเดียวกัน
ในชั้นจับกุม นายสุรศักดิ์ หรือ ต๊ะ บางหว้า ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น AEROX155 สีฟ้า เขียว (ซึ่งเป็นรถของมารดาตน) โดยมีนายพิศิษฐ์ หรือ อชิ ซึ่งเป็นเพื่อนของตนเป็นคนซ้อน และเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายต้น (ไมทราบชื่อ- สกุลจริง) ซึ่งเป็นคู่อริที่มีเรื่องโพสต์ด่าว่ากันไปมาทางโซเชียล ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในหมู่บ้านไม่ทราบชื่อซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 69 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. หลังก่อเหตุ ตนได้ขับรถจักรยานยนต์พานายพิศิษฐ์ หลบหนีไปแถวพุทธมณฑลสาย 4 ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี โดยตนหลบหนีไปหาญาติฝ่ายพ่อที่อยู่แถวบางใหญ่ หลบพักที่บ้านญาติฝ่ายพ่อได้ 1 วัน จากนั้นตนได้หลบหนีต่อไปในพื้นที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่พื้นที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จนเรื่องเงียบ จึงเดินทางกลับมาเช่าบ้านพักในซอยศาลธนบุรี 19 แยก 5 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า โซเชียลมีเดียช่วยย่อโลกให้เล็กลง ติดต่อกันง่าย ใกล้ชิดกันมากขึ้น เข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ไว โดยกลุ่มเด็กและเยาวชน เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากวุฒิภาวะ การใช้อารมณ์ บางครั้งทำให้ต้องลงเอยกับปัญหาความบาดหมาง ความขัดแย้ง ทะเลาะกัน ท้าทายกันในโซเชียล อวดว่าตนเองเก่ง ตัวข้าแน่กว่า นำไปสู่การใช้ความรุนแรง จนทำให้การบาดเจ็บ ล้มตายก็มี เสียทั้งเงินและอนาคต ถูกจับติดคุกหลายปี ฉะนั้นควรต้องรู้จักให้อภัย อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล การป้องกันที่ดีนั้น พ่อแม่ควรเลี้ยงลูกด้วยการให้ความรัก ให้เวลา ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ปลูกฝังและวางรากฐานทางคุณธรรมจริยธรรมให้กับเด็ก มีสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร รายงาน