พ่อเคยเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง ครอบครัวร่ำให้ รับร่าง 2 หนุ่มสาวเสียชีวิตขณะนอนติดเครื่องเปิดแอร์ภายในรถเก๋ง

19 มิ.ย. 2567 เวลา 15:33 น.

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า จากกรณีเมื่อคืน วันที่ 18 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจส.น.คลองตัน เข้าตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งเหตุ พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณปากซอยพัฒนาการ 12 บริเวณทางเท้าพบรถนั่งส่วนบุคคลยี่ห้อมาสด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ชภ 6664 กรุงเทพมหานคร

จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คนและชาย 1 คน นอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถที่บริเวณด้านหน้า ตรงเบาะคนขับและที่นั่งข้างคนขับรถ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตราย 1. คือนางสาว วิลัยพร วันทนา 27 ปี แต่งกายใส่ เสื้อยืดคอกลมสีดำ กระโปรงยืนยาวสีดำ นอนเสียชีวิตอยู่ฝั่งคนขับ (อาชีพแดนเซอร์) รายที่ 2. นายวิโรจน์ โภชน์พันธ์ อายุ24 ปีแต่งกายใส่เสื้อยืดสีขาว กางยืนสีดำมีกระเป๋าคาดอก 1 ใบนอนเสียชีวิตอยู่ฝั่งข้างคนขับ (อาชีพเด็กเสิร์ฟ)

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานญาติผู้เสียชีวิตทั้ง2คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้พบศพคือพี่ชายของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง เนื่องจากพบความผิดปกติหลังพยายามติดต่อน้องสาวแต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงเดินทางมาตรวจสอบที่รถและพบศพดังกล่าว

ทั้งนี้ร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ถูกนำส่งนิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯเพื่อตรวจชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบศพให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ญาติของ นางสาว วิลัยพร อายุ 27 ปี (นุ่น)เดินทางมาติดต่อขอรับศพ เบื้องต้นญาติแจ้งว่าไม่ไช่การฆ่าตัวตาย ก่อนเสียชีวิตไม่มีเหตุจูงใจมาก่อนคาดเสียชีวิตเพราะติดเครื่องรถยนต์เพื่อเปิดแอร์นอนตามที่เคยมีข่าวแบบกรณีดังกล่าวออกไป โดยวันนี้จะรับร่างของ นาง วิลัยพร ไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดดงปู อ.เมือง จ.ตาก

 

เวลาเพื่อนๆที่ทำงานของทั้ง2 และญาติของนายวิโรจน์ โภชน์พันธ์ อายุ24 ปี(เท่) เดินทางมาติดต่อรับศพโดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยจะรับศพไป ทำ พิธีฌาปนกิจ ที่วัดโคกสะอาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา

นาย คูณ อายุ 56ปี บิดาของผู้เสียชีวิยฝ่ายหญิง(เสื้อขาวใส่หมวกใส่แว่น )ได้เดินทางมารับศพด้วย ทีมข่าวจึงได้พูดคุย บิดดาเปิดเผยว่า ลูกสาวตนทำงานอยู่ที่ตะวันแดงไกล้ๆที่เกิดเหตุมา4-5ปีแล้ว เลิกงานก็จะชอบนอนพักผ่อนในรถแต่ไม่บ่อย จะกลับบ้านตลอดทุกวันซึ่งบ้านจะอยู่ที่วิภาราม กลับถึงบ้านช่วงหลังเลิกงานตลอด เคยมีกลับเช้าครั้งเดียวเพราะไปงานสังสรรค์ ที่ผ่านมาก็เคยเตือนลูกสาวแล้วเรื่องการนอนในรถ ส่วนเรื่องผู้ชายที่เสียชีวิตในรถคันเดียวกันพ่อไม่เคยรู้จักมาก่อน ส่วนเรื่องติดใจสาเหตุการเสียชีวิตลูกสาวต้องรอหมอและเจ้าหน้าที่พิสูจน์ ตนยังบอกอะไรไม่ได้ส่วนเรื่องการฆ่าตัวตายนั้นไม่ไช่แน่นอนและวันนี้จะรับร่างของลูกสาวไปวัดที่จ.ตาก ลูกสาวตนเป็นคนเรียบง่ายสบายๆใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป

น้า สำลี ดาวผักชี น้าของฝ่ายหญิง (เสื้อลายสีขาว)เปิดเผยว่า หลานสาวตนทำงานเป็นหางเครื่องอยู่ที่ร้านตะวันแดงใกล้ที่เกิดเหตุ ทำงานอาทิตย์ละสามวัน ส่วนเรื่องเวลางานนั้นตนไม่ทราบ ส่วนในวันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้ไปทำงานที่ร้าน แต่มาทราบข่าวจากคุณพ่อของหลาน ตนจึงขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุก็พบว่าหลานสาวเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเรื่องของผู้ชายนั้นเป็นเด็กเสิร์ฟของที่ร้านจริงแต่ตนไม่เคยรู้จักเพราะหลานสาวก็ไม่เคยแนะนำให้ตนรู้จักมาก่อน แต่เท่าที่เคยเห็นผู้ชายจะเป็นคนเงียบๆ และไม่เคยรู้เรื่องสัมพันธ์ของทั้งคู่มาก่อน นี้ตนไม่ติดใจสาเหตุของการเสียชีวิตของหลาน ตอนนี้ตนก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่คิดถึงหลาน

นาย สุภัทร โภชน์พันธ์ อายุ60ปี อาฝ่ายชาย (เสื้อดำ)เปิดเผยว่า วันนั้นหลานไม่ได้กลับห้องตนก็ไม่ได้เอะใจเพราะปกติหลานชอบไปดื่มกับเพื่อน จนกระทั่งมาถึงช่วงบ่ายก็คิดว่าหลับที่ห้องเพื่อน ส่วนเรื่องการทำงานนั้นตนเป็นคนชักชวนหลานมาทำงานที่นี่ และอาก็ตั้งกฎกติกาว่าไม่ให้รักกับคนที่ทำงานเพราะจะทำให้เกิดการทะเลาะกัน ถ้ารับได้ก็มาทำงานด้วยใหม่ใหม่เข้าไปทำงานก็ยังไม่มีเพื่อนก็จะกลับบ้านตรงเวลาเป๊ะ ถ้าไปกินแถวตึกก็จะทักบอกอาตลอด โดยหลานขาดการติดต่อไปตนก็สงสัยแต่ไม่ได้ทักหาหลานจนกระทั่งหลานอีกคนนึงมาบอกถึงการเสียชีวิต ของหลาน พอตอนรู้ข่าวก็ตะลึงถึงขั้นช็อคเหงื่อไหลหูอื้อทำอะไรไม่ถูก ส่วนเรื่องประเด็นความสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงนั้นตนไม่เคยทราบมาก่อนแต่ที่ผ่านมาก็คุยเล่นกับคนอื่นบ้าง หลานต้นเองยังโสดและเป็นคนมีเพื่อนฝูงรักใคร่เยอะชอบซื้อของไปฝากรปภ. ที่ตึกนายเท่ห์หลานของตนจึงมีคนรักมากมาย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นตนไม่ได้ติดใจเพราะวันที่ตนไปดูนั้นก็เชื่อว่าหลานนอนอยู่ในรถแล้วขาดอากาศหายใจ โดยหลังจากนี้จะนำศพของหลานไป ที่บ้านเกิดที่วัดโคกสะอาด จ.โคราช

 

ด้าน นาย วัฒนชัย ชูปาน อายุ 28 ปี (เสื้อดำหมวกขาว) พี่ชายฝ่ายหญิง กล่าวว่า น้องสาวของตนจะกลับบ้านตลอดส่วนจะกลับบ้านเวลาสามสี่ทุ่ม น้องสาวก็จะกลับประมาณตีสามตีสี่ โดยวันเกิดเหตุพ่อกลับมาจากที่ทำงานและเริ่มเอะใจในเวลา 7 โมงโทรหาตนและต้นตื่นนอนช่วงเวลา 9 โมง ตนจึงออกตามไปที่ทำงานของน้องสาวทั้งทั้งสองที่แต่ก็ไม่พบและได้ ทราบข้อมูลมาว่าน้องสาวตัวเองมาทำงานที่ตะวันแดงแล้วออกไปตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มแล้ว โดยในช่วงแรกตนไปที่รถก็ไม่ได้ทันสังเกตุเห็นว่าน้องสาวตัวเองนอนอยู่ในรถ จนกระทั้งช่วงหัวค่ำ ตนเห็นไฟในรถจึงเข้าไปดูก็พบว่า น้องสาว ตนจึงเข้าไปเรียกน้องก็ไม่ตื่นและมีคนที่ร้านเข้ามาช่วยดูก็พบว่าน้องตัวแข็งและเสียชีวิตแล้ว โดยในขณะนั้นตนยังพูดสายโทรศัพท์อยู่กับพ่ออยู่เลย จึงบอกกับพ่อไปว่าน้องตัวแข็งไปหมดทั้งตัวแล้ว ซึ่งขณะนั้นประตูรถสามารถเปิดได้และไฟในรถยังเปิดอยู่ แต่รถนั้นได้ดับเครื่องเนื่องจากน้ำมันหมด ส่วนสภาพศพนั้นตนไม่ได้ติดใจเพราะน้องนอนไม่ได้มีอะไรผิดสังเกตุ โดยที่ที่ผ่านมาตอนแรกพอก็ย้ำเตือนน้องอยู่บ่อยครั้งเรื่องการหลับในรถ โดยตนทราบมาจากเพื่อนในร้านว่าน้องสาวคนนั้นเวลาเมาจะชอบไปนอนในรถเพราะเป็นห่วงพ่อไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง ส่วนเรื่องประเด็นจดหมายที่อยู่ในรถนั้นเป็นจดหมายเก่านานแล้วซึ่งไม่เกี่ยวกัน เป็นจดหมายที่แฟนเก่านั้นเคยเขียนมาขอโทษน้องสาวตน และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันนานแล้ว ส่วนเรื่องสัมพันธ์กับฝ่ายชายนั้นตนทราบเพียงว่าเพิ่งเริ่มคุยกันแต่ยังไม่เคยแนะนำให้บ้านรู้จัก เบื้องต้นทราบจากพิสูจน์หลักฐานว่าเกิดจากการขาดอากาศหายใจภายในรถ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ถูกดูดเข้าไปในรถ ตนอยากฝากเตือน เป็นอุทาหรณ์ให้ช่วยกันดูคนที่เรารักเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมากเพียงแค่ชั่วขณะ ขนาดตนรีบไปดูแล้วยังช่วยเหลือน้องสาวไม่ทันตนยังรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่ช่วยน้องสาวไว้ไม่ทัน ถ้าตนไปช่วยน้องไวกว่านี้น้องอาจจะรอดก็ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดจากกรณีคู่รักนอนเสียชีวิตในรถปากซอยพัฒนาการ 12 เขตคลองตัน กทม. พ่อฝ่ายหญิงยืนยันลูกสาวไม่มีโรคประจำตัว และไม่มีความขัดแย้งกับแฟนหนุ่ม ที่ผ่านมาลูกจะนอนในรถบ่อยครั้งหลังเลิกงาน เคยเตือนแล้วแต่ไม่ฟัง ล่าสุดผลชันสูตรเบื้องต้นพบว่าทั้งคู่เสียชีวิตจากภาวะพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน