กรณีเหตุไฟไหม้โรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติก ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 ทำให้โครงสร้างโกดังทรุดตัวลงมา 2 โกดัง ตรวจสอบพบว่า บริษัทเถิงฟาพลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด ที่ถูกเพลิงไหม้ ประกอบกิจการบนพื้นที่สีเขียว มีนายทุนเป็นคนจีนรับช่วงเช่าพื้นที่จากคนไทย ส่วนพลาสติกเก่าที่อยู่ภายในคาดว่านำเข้าจากต้นทางที่ประเทศจีน
โดย นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สถานที่ที่เกิดเหตุเบื้องต้นตรวจสอบดูเป็นที่วางกองพลาสติกเก่า ซึ่งมีเนื้อที่อยู่มากพอสมควร เพลิงได้ลุกไหม้เศษพลาสติกเก่า ที่นำมาวางกองอยู่ ซึ่งทำให้ยากต่อการดับเพลิงเพราะเวลาไหม้เศษพลาสติกจะทำให้ลุกลามไหม้อย่างรวดเร็วและก็ดับยาก
ส่วนผลกระทบกับชุมชนในละแวกใกล้เคียงเรื่องของควันในการเผาไหม้พลาสติก อาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องของภาวะแวดล้อมในขณะนี้ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบและมีมาตรการในการที่จะควบคุมและดับเพลิงบริเวณนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดควัน ภายหลังจากควบคุมเพลิงแล้วจะมีการสั่งการตรวจสอบโรงงานดังกล่าวทันทีและดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายพุทธิกรณ์ วิชัยดิศ อุตสาหกรรมจังหวัด กล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ ขอเป็นโกดังสินค้า แต่เขาก็มีการเอาเครื่องจักรเข้ามาประกอบการ ซึ่งเครื่องจักรที่เขาใช้มันก็เข้าข่ายเป็นโรงงาน ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีเขียว ขออนุญาตก็ขอไม่ได้
ซึ่งทางเจ้าของก็คงจะทราบหรอกก็เลยลักลอบทำเถื่อน ซึ่งจะมีความผิดตามกฎหมาย เบื้องต้นตรวจสอบเครื่องจักรแล้วก็เข้าข่ายประกอบการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาง ลำดับที่52,53 ตามพ.ร.บ.โรงงาน เครื่องจักรที่ตรวจสอบพบเบื้องต้นรวมแล้ว75แรงม้า ก็เข้าข่ายมีการละมิดพระราชบัญญัติโรงงาน โดยไม่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรที่พบนั้นอยู่ด้านนอกซึ่งไม่ได้เกิดเพลิงไหม้เบื้องต้นเท่านี้
ส่วนเจ้าของโรงงานยังตามตัวไม่ได้ต้องให้ทางฝ่ายปกครองช่วยตามตัวให้ แต่เบื้องต้นช่วงปลายปีที่แล้วเราเคยมีหนังสือสอบถามไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งจังหวัดว่าขอให้ช่วยเช็คให้หน่อยว่าในพื้นที่มีโรงงานเถื่อนไหม เพื่อเราจะได้เข้าไปดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งสอบถามไป39แห่ง แต่สำหรับทางท้องถิ่นแห่งนี้ไม่ได้แจ้งเราว่ามีโรงงานเถื่อนหรือปล่าว ซึ่งตนอยู่มา1ปียังไม่พบว่าโรงงานแห่งนี้มีการกระทำความผิด แต่ ณ ตอนนี้มีความผิด เพราะว่าการกระทำของเขาถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายเลย ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า โรงงานแห่งนี้ผู้ครอบครองเป็นคนไทยโดยขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นที่เก็บกองเท่านั้น แต่มีนายทุนจีนมาเช่าพื้นที่ต่อจากคนไทยแล้วนำขยะพลาสติก เศษพลาสติก และเศษวัสดุอื่นๆ มาเก็บไว้ที่นี่ อีกทั้งยังได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาทำกระบวนการรีไซเคิล บดอัด ส่งขาย
เบื้องต้นยังเป็นที่น่าเชื่อได้ว่า ขยะพลาสติกที่พบทั้งหมดนี้ ทั้งที่ถูกไฟไหม้และไม่ได้ถูกไฟไหม้ ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน นอกจากนี้คนงานที่เป็นแรงงานเมียนมาเล่าว่า ทางเถ้าแก่ให้หยุด 2 วัน พวกคนงานก็ไปนอนพักอยู่ในบ้านพักกันหมด คงมีแต่ช่างที่เถ้าแก่เรียกให้มาซ่อมกล้องภายในโรงงานเท่านั้น แต่พอเกิดเพลิงไหม้ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
