จากกรณีที่นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจคนดัง ฐานบุกรุกพื้นที่เขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบการก่อสร้างรีสอร์ตในพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของรัฐนั้น

ต่อมา “จอนนี่ มือปราบ” ได้เดินหน้าแจ้งความกลับ โดยดำเนินคดีกับอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาอีก 2 คน รวม 2 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และข้อหาหมิ่นประมาท

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า รีสอร์ตของจอนนี่ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ ติดลำห้วยไฮ และเปิดดำเนินการมาแล้วราว 4 ปี ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ พื้นที่ที่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ประมาณ 80% อีก 20% ถูกกันไว้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย ซึ่งมีชาวบ้านกว่า 500 หลังคาเรือนอยู่อาศัยมานานกว่า 40 ปี

ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง คือ หากรีสอร์ตของจอนนี่ถูกร้องเรียนว่าเป็นการบุกรุกที่สาธารณะ และรัฐจะดำเนินการขับไล่ตามกฎหมาย ก็หมายความว่าชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันก็อาจต้องถูกขับไล่ออกไปด้วย ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ไม่ยินยอม เพราะอยู่มาอย่างยาวนานและมองว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ อาจมีเบื้องหลังเป็นการกลั่นแกล้ง

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าที่ดินแปลงนี้ได้เปลี่ยนมือมาแล้วถึง 2 ครั้ง และจอนนี่ มือปราบเป็นผู้ถือครองรายที่ 3 ซึ่งมีการซื้อขายอย่างถูกต้อง มีสัญญาและผู้รู้เห็นร่วมกัน ไม่ได้เป็นผู้บุกรุกพื้นที่ตั้งแต่ต้น

นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนยังแสดงความเห็นว่า รีสอร์ตดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติหรือสร้างความเสียหายต่อชุมชน กลับกันยังถือเป็นการสร้างรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม และต้องรอผลการสอบสวนต่อไปว่าใครเป็นฝ่ายกระทำผิดตามข้อกล่าวหาอย่างแท้จริง