ระวัง มุกใหม่คอลเซ็นเตอร์ รับซื้อภาพถ่าย หลอกทำภารกิจ ลวงโอนเงิน

เตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ร่วมโปรโมทและร่วมลงทุนในการโปรโมทภาพถ่าย รับซื้อภาพถ่าย-หลอกทำภารกิจ ก่อนลวงโอนเงิน แรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 ราย ได้แก่

1. นายเทียนฯ (MR.TIAN) อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2828/2568 ลงวันที่ 16 พ.ค.2568
2. นายลีฯ ( MR.Li ) อายุ 44 ปี สัญชาติ จีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2841/2568 ลงวันที่ 16 พ.ค.2568
3. นายสิทธิบูรณ์ฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2840/2568 ลงวันที่ 16 พ.ค.2568
4. นาย กิตติชัย ฯ แจ้งข้อกล่าวหา
5. น.ส.สุภาพร ฯ แจ้งข้อกล่าวหา

ระวัง มุกใหม่คอลเซ็นเตอร์ รับซื้อภาพถ่าย หลอกทำภารกิจ ลวงโอนเงิน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน”

ระวัง มุกใหม่คอลเซ็นเตอร์ รับซื้อภาพถ่าย หลอกทำภารกิจ ลวงโอนเงิน

พฤติการณ์ของคดี

สืบเนื่องจากปัจจุบันกลุ่ม call center มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย และตามนโยบายรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการกวาดล้างขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นภัยอาชญากรรมที่ก่อความเสียหายต่อประชาชนและสังคมในวงกว้าง และเน้นย้ำให้มีการเตือนภัยรูปแบบการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับประชาชนทราบผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และสื่อต่างๆ

 

กก.1 บก.ปอท. จึงได้ตรวจสอบจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ และข้อมูลจาก big data พบหนึ่งในรูปแบบการหลอกลวงที่สลับซับซ้อนและมีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหาย กล่าวคือ กลุ่มคนร้ายจะมีการโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อรับซื้อภาพถ่ายโดยจะให้ผู้เสียหายแอดไลน์พูดคุยผ่านบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ประกอบธุรกิจบริการจัดการโฆษณาออนไลน์

ซึ่งมีการทำธุรกิจเกี่ยวกับการหาสมาชิกในการประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทภาพถ่ายของสมาชิก เพื่อรับผลตอบแทนหรือโบนัสในการส่งภาพถ่ายมาร่วมโปรโมทและร่วมลงทุนในการโปรโมทภาพถ่าย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมทำกิจกรรมและทำภารกิจในครั้งแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง หลังจากนั้นคนร้ายจะพยายามชักชวนให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อทำภารกิจส่งเสริมการตลาด

โดยอ้างว่า ทำงานง่าย ได้ค่าตอบแทนสูง สามารถเลือกแผนในการลงทุนได้ โดยจะได้รับผลตอบแทน ประมาณร้อยละ 30-50 ของยอดเงินที่ร่วมลงทุนในแต่ละครั้ง โดยในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีการแอบอ้างชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจมาเป็นโค้ชในการลงทุน และจะมีสมาชิกในกลุ่มไลน์ซึ่งเป็นหน้าม้าเข้ามาร่วมด้วย จากนั้นจะให้ผู้เสียหายทำการลงทุนผ่านเว็บไซต์ STI CURRENCY MARKET (https://sticurrencymarket.com) เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุนครบตามจำนวนภารกิจ และต้องการถอนเงินออกจากระบบ คนร้ายจะอ้างว่าผู้เสียหายทำผิดกฎ ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จะต้องโอนเงินเพิ่มเติมเพื่อเป็นการปลคล็อคและแก้ไขในส่วนที่ผิดกฎ

จากการตรวจสอบข้อมูลจากระบบแจ้งความออนไลน์และฐานข้อมูลพบว่า มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ลงทุนผ่านเว็บไซต์ STI CURRENCY MARKET (https://sticurrencymarket.com) จำนวน 7 เคส มูลค่าความเสียหาย กว่า 2.4 ล้านบาท อีกทั้ง ยังพบว่ากลุ่มบัญชีม้าที่ใช้ในกลุ่มนี้ ถูกแจ้งความไว้เป็นจำนวน 67 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 15 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. จึงได้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนจากพฤติการณ์และ แผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายนี้ จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลของกลุ่มคนร้าย call center ดังกล่าว

ระวัง มุกใหม่คอลเซ็นเตอร์ รับซื้อภาพถ่าย หลอกทำภารกิจ ลวงโอนเงิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. จึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ  ผู้ร่วมขบวนการ โดยเข้าตรวจค้น และจับกุมผู้ร่วมขบวนการในกลุ่มรับผลประโยชน์และฟอกเงินได้ทั้งสิ้นจำนวน 5 ราย ประกอบด้วยชาวจีน 2 ราย และ ชาวไทย 3 ราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 3,000,000 บาท จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจยึดทรัพย์สิน และจับกุมผู้ที่ร่วมขบวนการต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยไปยังประชาชน ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ถี่ถ้วน   ก่อนการลงทุนทุกครั้ง อย่ารีบตัดสินใจลงทุนหรือหลงเชื่อบุคคลอื่นที่ชักชวนโดยง่าย เพราะปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพจะใช้กลอุบายหลายรูปแบบ ขอให้มีสติทุกครั้ง อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่เชิญชวนทำรายได้ง่าย ๆ และผลตอบแทนเกินจริง ควรมีการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ระวัง มุกใหม่คอลเซ็นเตอร์ รับซื้อภาพถ่าย หลอกทำภารกิจ ลวงโอนเงิน

ทั้งนี้ในส่วนของผู้รับจ้างเปิดบัญชี หรือ ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชี มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากบัญชีถูกนำไปใช้ในทางทุจริต อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 1-10 ปี  ปรับ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น  อย่า! ขายบัญชีธนาคารของตนเองให้กับคนอื่นเด็ดขาด อย่า! รับจ้างเปิดบัญชี อย่า! ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชี