สาวโพสต์ได้ยินเสียงเรียกชื่อทุกคืน ได้กลิ่นเน่าฝันเห็นเรื่องเดิมๆทุกวัน ตัดสินใจรื้อของในบ้าน
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่คิดว่าสมัยนี้จะมีอยู่ เมื่อผู้ใช้ เฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ปลายปี66เราได้รับข้อความข่มขู่และการทำลายข้าวของทรัพย์สินของที่ร้านจนเสียหาย มีไข่เน่าปลาเน่ามาโยนในร้าน และเอาชุดชั้นในกางเกงในมาฝากให้กับเด็กในร้าน ระบุข้อความในกระดาษว่าฝากให้สามีเจ้าของร้าน เราเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น จนต้นปี67เรารู้สึกหน่วงท้องทะลุเอว เจ็บจนต้องไปโรงบาลสิโรรสปัตตานีคุณหมอทำการ เอ็กซเรย์พบนิ่วในไต ก็ฉีดยาแก้ปวดให้บอกพรุ่งนี้รีบไปศูนย์ยะลาเพราะเป็นโรงบาลใหญ่กว่า
ตอนนั้นก็กลับมาที่บ้านรอจนถึงเช้าอาการปวดก็ไม่ดีขึ้น ปวดหนักกว่าเดิมจนร่างกายเริ่มสั่น น้องชายพ่อและน้าสาวรีบพาไปโรงบาลสิโรรสยะลา พอถึงคุณหมอบอกว่านิ่วติดตรงท่อไต นิ่วประมาณ3มิล แต่จะฉีดยาแก้ปวดให้ก่อนน่ะเพราะวันนี้คุณหมอเฉพาะทางไม่อยู่ให้มาพรุ่งนี้ดีกว่า เราก็บอกว่าหนูมีประกัน10ล้านทำไมนอนโรงบาลไม่ได้ คุณหมอก็พูดว่าเดี๋ยวนี่ประกันรับเคลมอยากมากๆ แนะนำให้ไปนอนที่บ้านดีกว่า‘ ด้วยอาการเจ็บตอนนั้นเลยด่าหมอว่าไม่รับเคลมอะไร ไข้40ปวดนิ่วจะตายอยู่แล้ว
ถ้าต้องจ่ายค่าห้อง20000ก็จะจ่ายแต่ต้องได้เจอหมอ ตอนนั้นครอบครัวคือไม่โอเคแล้วบอกให้กลับมาอยู่บ้านก่อนอีกคืน พอตอนเช้าวันจันทร์จะได้เข้าโรงบาลราษยินดีหาดใหญ่ แต่อาการปวดหลังจากกลับมาที่บ้านก็ไม่ดีขึ้น เราร้องกรี๊ดจนหมดเสียงตัดสินใจโทรหาพ่อกับน้องชายให้มาที่บ้านทุกคนในครอบครัวต่างตกใจกับอาการที่เราเป็น รีบพาไปโรงบาลปัตตานีเข้าห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นเกิดอาการ ไข้ 40 องศา ภาวะช็อกความดันต่ำ หอบเหนื่อย น้ำท่วมปอดและติดเชื้อในกระแสเลือ ดต้องแอดมิดนอนห้องไอซียูเติมเลือด
และได้ยากระตุ้นความดันอยู่ตลอด ตลอดระยะเวลานอนที่โรงพยาบาลปัตตานีไร้วี่แววของหน้าหมอเจอแต่หมอเวรกับพยาบาลที่คอยมาเจาะเลือดอยู่ตลอดเจาะจนมือจนแขนเป็นรูตัวช้ำเขียว ก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ เราจึงตัดสินใจขอปฏิเสธการรักษาและไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี ตอนนั้นคิดในใจว่ากูตายแล้วแน่แน่เลยเพราะร่างกายไม่ไหวจริงๆพอได้เข้าตรวจกับที่โรงพยาบาลหาดใหญ่คุณหมอบอกว่าหนูมีอาการไตวายเฉียบพลันและน้ำท่วมปอด ต้องรีบเอาน้ำออกจากร่างกาย ได้ยาขับปัสสาวะทำให้ปวดฉี่บ่อยขึ้น
อาการคืนนั้นที่นอนแอดมิดอยู่โรงพยาบาลหาดใหญ่มีไข้ตลอดทั้งคืนไข้ไม่เคยลดลงตรวจทีไรก็ 40 พอตอนเช้าคุณหมอก็พาไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และตัดสินใจให้เราเข้าห้องผ่าตัดเอานิ้วที่อยู่ในท่อไตออก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเราต้องไป พักฟื้นอยู่ห้องไอซียูหลังจากนั้นได้ย้ายเข้าห้องผู้ป่วยปกติ นอนรักษาอยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่งก็ได้กลับบ้านมารายอที่บ้าน ตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแต่พอวันรายอ6 เราไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้ป่วยอะไรแต่ช่วงค่ำๆ เรารู้สึกไม่สบายตัวเลยบอกที่บ้านว่าจะไปนอนก่อนแป๊บนึงระหว่างรอสามีกลับมาบ้านเรานอนได้ประมาณ 20 นาทีสามี ก็กลับมาที่บ้านพาออกไปกินข้าวในระหว่างกินข้าวเรามีอาการหนาวสั่นเหมือนคนจะเป็นไข้เราก็บอกว่าจะกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางกลับบ้านเราได้กลิ่นเหม็นเน่า ได้กลิ่นกำมะถัน ในหัวตอนนั้นคืออยากกลับบ้านให้เร็วๆ
พอถึงบ้านแล้วรีบเข้าบ้านหลังจากเข้าบ้านเราเจ็บเหมือนมีคนเอาเข็มเอามีดมาแทงปวดแสบปวดร้อนทั้งตัวเราเจ็บแบบทรมาน มากจนน้องชายบอกให้สามีพาไปโรงพยาบาลอีกครั้งนึงไปถึงโรงพยาบาลประมาณตีหนึ่งครึ่งกลางคืนด้วยอาการปวดในกระดูก หนาวเหมือนอยู่ในหิมะติดลบ 50 องศา คุณหมอเอาเลือดไปตรวจแล้วกลับมาพูดกับน้องชายว่าเราน่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดแต่ไม่รู้ว่าติดจากอะไรยังหาสาเหตุไม่ได้ และได้ให้ยาฆ่าเชื้อ ซุ่มยาในโรงพยาบาลทั้งหมดเพราะอยากรู้ว่าในร่างกายเราตอนนี้ดื้อยาตัวไหน หมอตัดสินใจให้เราแอดมิดนอนโรงพยาบาลและให้เราย้ายขึ้นไปข้างบนห้องภาพที่เราเห็นคือเห็นคุณหมอยืนกันอยู่5-6คนพร้อมน้องชาย สามี แม่ พี่ชาย สะใภ้และพยาบาลอีก2คนที่ยืนดูอาการที่เราเป็นทรมานมากเจ็บมากปวดมาก
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเรารักษาอาการนี้มาประมาณเจ็ดแปดวันเราขอคุณหมอออกโรงพยาบาลเพราะคิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วด้วยอาการที่ดีขึ้นมาในระดับหนึ่งแต่ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้ประมาณสองสัปดาห์ เราไม่ได้นอนเลยเพราะนอนไม่ได้ในหูได้ยินแต่เสียงคนเรียกชื่อเรียกทุกวันจนเรานอนไม่ได้เราจะได้นอนอีกทีนึงตอนหลังละหมาดซุบฮีพอเผลอหลับแป๊บนึงเราก็ฝันเห็นถึงคุณตาที่เสีย มายืนอยู่ที่ต้นไม้หลังบ้านเป็นแบบนี้สองเดือน 10 วันเราไม่สามารถพูดกับใครได้เพราะเรากลัวทุกคนหาว่าเราเพ้อเจ้อคิดไปเองเราทรมานกับอาการที่เราเป็นมาก
เจ็บบอกใครไม่ได้ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเราทุกคืน ได้กลิ่นเหม็นเน่าทุกวันฝันเห็นคุณตาทั้งๆที่ไม่เคยฝันและฝันเดิมๆแบบนี้ทุกวันที่เผลอหลับ เราพูดกับเพื่อนสนิทเราว่าถ้าพรุ่งนี้เรายังเป็นแบบนี้เราจะไปหาหมอจิตเวชเราจะไปรักษากับอาการที่เราเป็น แต่เพื่อนก็พูดว่าให้เราหัดเชื่อเรื่องของที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เราเลยตอบเพื่อนไปว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริงเราไม่เคยเชื่อ เพื่อนได้แค่พูดว่าของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ให้ไปหาบาบอ เราก็ได้แต่แค่พูดว่าเออเออเดี๋ยวไป จนคืนนั้นเรามีความรู้สึกว่าเราเจ็บเนื้อเจ็บตัวเราเหม็นเน่าจนเราอธิบายไม่ถูกเราแสบหน้า เหมือนมีคนเอาอะไรมาทิ่มแทง
เราเลยตัดสินใจเล่าให้แม่ แม่บอกให้พี่ชายพาเพื่อนมาตัดต้นไม้ลื้อของที่อยู่หลังบ้านออกให้หมด ระหว่างที่เพื่อนของพี่ชายมาตัดต้นไม้นั้นเรามีอาการไม่สู้ดีหายใจไม่ทันรู้สึกหัวร้อน ใจเต้นเร็วสักพักนึงเราได้ยินเสียงของเพื่อนพี่ชายพูดว่าเฮ้ยนี่มันอะไรนี่มันของไม่ดีนี่หว่าใครเอามาฝังไว้ข้างหลังนี่หว่าเราเลยบอกสามีกับแม่ให้เข้าไปดูให้หน่อยเพราะเราหายใจไม่ออก หายใจไม่ทันภาพที่เห็นคือภาพที่ถ่ายเอาไว้ วินาทีนั้นเราพูดอะไรไม่ออก
เราตกใจมากทำอะไรไม่ถูกเลยตัดสินใจไปหาบ้านโต๊ะบ้าบอที่หนึ่งเราก็แก้ของนั้นแล้วแกะผ้าที่มีรูปเราปักด้วยเข็มหมุด ที่หน้า ที่ท้อง และที่ขา ภาษาที่เขียนนั้นเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้แต่อ่านออกเค้าเขียนว่าให้เราตายและคนที่ตายตามแม่คือลูกคนสุดท้องของเรา รูปภาพอีกรูปคือรูปของเด็กเด็กทั้งสามคนแล้วก็มีรูปภาพของผู้หญิงปริศนากับแม่ของมันและสามีดิฉัน ผูกเอาไว้ เขียนว่ากลับมารักกันเหมือนเดิมกลับมาอยู่กับฉัน กลับมาเป็นของฉัน ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงได้แค่น้อมรับบททดสอบที่เจอมาไม่รู้ว่าเราผิดด้วยเรื่องอะไรหรือต้องการอะไรแล้วทำไม ฉันกับลูกต้องตกเป็นเหยื่อของคนเลวพวกนี้ด้วย