โดยทนายตั้ม เปิดเผยว่า ตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป รวมไปถึงผู้บริหารทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น บอสพอล , บอสกันต์ , บอสปีเตอร์ , บอสหมอเอก , บอสมิน , บอสแซม ในเรื่องของ พรก.กู้ยืมเงินอันเป็นฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ เรื่องของฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และก็จะเข้าสู่มูลฐานร่วมกันฟอกเงินด้วย
ทนายตั้ม กล่าวต่อว่า วันนี้ตนมีหลักฐานจากผู้เสียหายที่มาร้องเรียนกับตนว่าได้รับความเสียหายจากบริษัทดังกล่าว และทราบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการให้สินค้าจริง แต่เป็นการหลอกให้ลงทุนให้สมัครครอสเรียน ขยับเลเวลขึ้นเป็นขั้นบันไดโดยเริ่มจ่าย 2,500 25,000 250,000 บาท จากนั้นก็ให้หาลูกทีม
ตนจึงมองแล้วว่าไม่ได้มีการจะขายสินค้าจริง แต่เป็นลักษณะการแชร์ลูกโซ่ โดยใครที่เป็นระดับดีลเลอร์ที่จ่าย 250,000 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษนัดทานข้าวกับระดับบอส โดยจะเน้นให้ความเป็นกันเองเพื่อให้การลงทุน แต่เวลาผ่านมา 1 ปี ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับสินค้า เมื่อทวงถามในบางรายก็ได้สินค้าที่เกือบหมดอายุมา
และเมื่อวานนี้ที่ทางบริษัทออกมาโต้ว่าดาราทั้งหลายไม่ได้เป็นผู้บริหารเป็นเพียงผู้ช่วยการตลาด การกระทำดังกล่าวยิ่งชัดว่าที่ผ่านมาเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะตอนแรกอ้างว่าเป็นผู้บริหารทำให้ประชาชนหลายคนหลงเชื่อและตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน จนทำให้ผู้เสียหายบางรายเกือบคิดสั้น
“นอกจากนี้คุณกันต์มีการโพสต์โชว์นาฬิกาหรูหลายเรือน รวมมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท กับการทำอาชีพพิธีกรรายการจะมีรายได้ขนาดนี้เลยหรอ นอกจากจะไปรับเปอร์เซ็นจากบริษัทดังกล่าว” พร้อมกันนี้ ทนายตั้ม ยังมั่นใจว่า เรื่องนี้จะมี 4 บอสที่ติดคุกแน่ๆ ก็คือ 1. บอสพอล รัตน์พล วรัทย์วรกุล 2. บอสกันต์ กันตถาวร 3. บอสปีเตอร์ และ 4. บอสหมอเอก
มื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ทางนายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย ที่โดนข่มขู่กลางรายการหลังออกมาเปิดโปงบริษัทดังกล่าว ทนายตั้มจะเกรงกลัวหรือไม่นั้น ทนายตั้ม ระบุว่า ตนไม่กลัวและพร้อมจะเดินหน้าช่วยประชาชน และตนได้มีการพูดคุยกับทางหนุ่มกรรชัย ทางหนุ่มกรรชัยเองก็ยินดีที่จะเคียงข้างประชาชน ถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับเพื่อนดาราก็ยอมที่จะตัดความสัมพันธ์เพราะสงสารผู้เสียหาย