วันที่ 7 พ.ค. 2568 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นางสาวชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 1 นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ, นายธวัชชัย สุขศิริผล ผู้อำนวยการกลุ่มปฏิบัติการฯ มอบหมายให้นักสืบสวนคดีทุจริต ป.ป.ช.ส่วนกลาง ร่วมกับนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1
ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัว พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ 34/2563 ลง 27 พ.ค. 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่
ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 171
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณ ปี 2553 ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการ สภ.ลาดหลุมแก้ว ได้มีการออกคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และต่อมาตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้มีการอนุมัติเบิกเบี้ยบเลี้ยงให้แก่ สภ.ลาดหลุมแก้ว เป็นเงินจำนวน 283,176 บาท
และได้สั่งการให้นำเงินสดจำนวนดังกล่าวมามอบให้ เพื่อที่ตนจะดำเนินการจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง แต่จ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เพียง 20,500 บาท และเก็บเงินจำนวน 262,676 บาท ไว้เป็นของตนซึ่งเป็นลักษณะการเบียดบังเงินไว้โดยทุจริต
โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าว ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จึงลงพื้นที่และเฝ้าติดตาม จนพบตัว พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับ และได้ดำเนินการจับกุม
โดยผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้แจ้งว่าจะต้องถูกจับพร้อมกับแจ้งสิทธิของผู้ถูกจับให้ทราบ จากนั้นควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุม ณ สำนักงาน ป.ป.ช. และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พร้อมทั้งควบคุมตัวส่งผู้ว่าคดีเพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป
