นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า การประกาศผลการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิตอลวอลเล็ต ผ่านช่องทางแอปฯทางรัฐ จะเลื่อนออกไปก่อน จากกำหนดการเดิมในวันที่ 22 ก.ย.เป็นต้นไป 14.5 ล้านคนรับเงินก่อน ไม่ต้องลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐ สำหรับการจ่ายเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต สำหรับกลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน คนพิการ 2.1 ล้านคน จะได้รับเงินกลุ่มแรก ในเฟสแรก ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับเงิน 10,000 เฟสแรก แบ่งเป็นผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ เริ่มโอนตั้งแต่วันที่ 25-30 ก.ย.2567 เป็นการโอนเงินเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ที่เชื่อมเลขบัตรประชาชน โดยแบ่งโอนเฉลี่ยวันละ 4-5 ล้านคน ดังนี้
วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนเข้าบัญชีผู้พิการ 2.1 ล้านคน
วันที่ 25 กันยายน 2567 ผู้ถือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 0
วันที่ 26 กัยายน 2567 ผู้ถือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 1, 2, 3 วันที่ 27 กัยายน 2567 ผู้ถือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 4, 5, 6, 7
วันที่ 30 กัยายน 2567 ผู้ถือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 8, 9
คุณสมบัติผู้ได้รับเงิน 10,000 เฟสแรก ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน ต้องมีเกณฑ์ ดังนี้ คุณสมบัติในการรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
1 อายุ 18 ปีขึ้นไป
2 รายได้ต่อปีของบุคคลและรายได้เฉลี่ยของครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปี รวมถึงทรัพย์สินทางการเงิน อย่าง เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ของภาครัฐ ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปีด้วยเช่นเดียวกัน
3 ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้บ้าน ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท
4 ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
5 กรณีไม่มีครอบครัว ห้องชุดต้องไม่เกิน 35 ตร.ม. และที่ดินที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรไม่เกิน 1 ไร่ และใช้ในการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ และมีบ้านพร้อมที่ดิน บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว ไม่เกิน 25 ตร.ว. และรวมกันหมดแล้วพื้นที่การเกษตรไม่เกิน 10 ไร่
ส่วนผู้ถือบัตรรับเงินคนพิการ คุณสมบัติ ไม่จำกัดว่าจะอายุเท่าไร ถ้าถือบัตรผู้พิการ ได้รับเงิน 10,000 บาททุกคน การลงทะเบียนกลุ่มที่ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจำเป็นต้องเลื่อนการออกไปก่อน จากเดิมที่มีกำหนดจะให้ลงทะเบียนวันที่ 16 กันยายน 2567 ผ่าน 3 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)